ดูหนังออนไลน์ฟรี

แล้วก็ส่วนที่ยังมีความรู้สึกว่าทำให้ถูกใจซีรีส์นี้ได้ไม่สุดจริตก็ตรงที่การเฉลยคำตอบเงื่อนใหญ่แรกในตอนสุดท้ายของซีซันนี้ มันเชิญชวนให้ว้าวหรือรู้สึกแปลกใหม่ได้น้อยไปสักนิด ยิ่งสำหรับคอนิคุณยายหรือหนังไซไฟที่เล่นเรื่องราวนี้คงจะคุ้นกับฉากจบอย่างนี้มาหลายหนแล้ว ได้แม้กระนั้นหวังว่ามันจะสืบต่อไปซีซันต่อไปได้ตื่นตาตื่นใจมากกว่าที่พวกเราเคยมองจากเรื่องอื่นๆมาก่อนหน้านี้ รวมทั้งในตอนนั้นอาจบอกได้ชัดขึ้นว่านี่เป็นซีรีส์ที่น่าดึงดูด สดใหม่ แล้วก็น่าติดตามมากมายแค่ไหน

และก็ถ้าหากจะมีสักอย่างสำหรับการเสนอแนะสำหรับผู้ใดกันแน่ที่ยังไม่เริ่มมองเป็น มองแบบซาวด์แทร็กอัตระหนี่ฤษออริจินัลกับซับไทย จะเข้าหัวใจอารมณ์ความแตกต่างภาษาที่ติดต่อกันมิได้ในเรื่องมากสุดขอรับ เท่าที่เปิดเทียบเคียงหากบรรยายไทยจะแปลแบบผ่านเรื่องความแตกต่างภาษาไปเลยเสมือนทุกคนกล่าวหนึ่งภาษากันแต่เดิมซึ่งไม่ถูกความมุ่งมั่นของผู้ผลิตไปพอสมควร

หนังยังมีการตัดต่อเข้ามาช่วยเสริมเติมอยู่บ้าง เพราะว่าจะเลือก “focus” ที่นักแสดงราว 3-4 ตัวเป็นหลัก ถ้ากล่าวกันตามจริงนั้น เคล็ดลับทดลองเทคแบบนี้ก็มีอีกทั้งส่วนที่ดีและส่วนที่เสียคละเคล้ากันไปในหนังหัวข้อนี้ ขั้นต่ำๆหนังก็จัดว่าชี้แจงโครงเรื่องออกมาได้สนุกสนานสุดมันรวมทั้งบิ้วท์อารมณ์ผู้ชมได้เป็นไปตามลำดับขึ้นเรื่อยไปถึงที่หมายที่พีตไปถึงขนาดสุด แล้วก็วันเทคก็นับได้ว่าเป็นส่วนประกอบที่ตื่นเต้นผู้ชมได้อยู่

เริ่มกันที่ชื่นชอบการแสดงของผู้แสดงระดับแนวหน้า อีวาน ปีเตอร์ส (Evan Peters) ถือว่าเป็นที่น่าเฝ้าดูจากซีรีส์ DAHMER – Monster: The Jeffrey Dahmer Story ในบทเจฟฟรี่ย์ ดาห์เมอร์ซึ่งสามารถเก็บเงียบ ความคิดของตัวเองได้อย่างแนบเนียน รวมทั้งการแสดงอารมณ์ผ่านวัจนกระทั่งภาษาในแบบต่างๆก็บ่งถึงเหตุผลที่ว่า เพราะเหตุใดเจฟฟรี่ย์ถึงเป็นคนร้ายลอยนวลมากยิ่งกว่า 10 ปีได้

บทของซีรีส์ ดาห์เมอร์ 2565 สร้างความเหมือนจริงในสถานะการณ์การสังหารได้อย่างพอดี การวางมาตรฐานของเหยื่อที่จำต้องถูกเอาชีวิตด้วยเจฟฟรี่ย์ ดาห์เมอร์เป็นกรุ๊ปรักร่วมเพศผิวสี หรือเกย์ผิวสี ยิ่งซ้ำเติมความเหยียดหยามเพศรวมทั้งผิวสีจากคนขาว ผมบลอนด์ได้อย่างดีเยี่ยมนี้ภาคต่ออย่าง ‘Disenchanted’ ที่เล่นหักอารมณ์กันตั้งแต่ชื่อที่มีความหมายว่า ‘มนต์เสื่อม’ ก็เชิญชวนให้สงสัยว่าภาคต่อของหนังในดวงใจใครๆโอกาสนี้จะน่าดึงดูดมากแค่ไหนกันเชียว

รีวิว Disenchanted

15 ปีกลาย ‘Enchanted’ เคยเปลี่ยนเป็นตำนานภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชันที่ยังคงกลิ่นของความเป็นดิสนีย์และก็ยั่วล้อระหว่างโลกแฟนตาซีกับชีวิตจริงอย่างสนุกโดยไม่ลืมเลือนใส่มรดกชิ้นสำคัญของหนังค่ายวังดอกไม้เพลิงทั้งยังแอนิเมชันสองมิติอันเป็นตำนานแล้วก็เรื่องราวเทพนิยายชักชวนฝันพร้อมข้อคิดเตือนใจดีๆที่ช่วยทำให้มนต์ขลังของดิสนีย์ยังคงทำให้ผู้ชมเคลิ้มเชื่อตามพร้อมตอนสุดท้ายแบบแล้วพวกเขาก็อยู่ร่วมกันอย่างสุขสบาย แล้วก็ปี 2022

โดยสรุปแล้วนั้น Athena นับว่าเป็นหนังเหตุความสับสนวุ่นวายจากประเทศฝรั่งเศสที่จัดว่าทำออกมาเจริญพอได้ทีเดียว จังหวะการเล่าเรื่องค่อนใช้ได้ การใช้วันเทคเป็นการถ่ายทอดนั้นไม่ยืดยานเหลือเกิน ความเข้มข้นของรายละเอียดออกจะหนักแน่นแล้วก็แน่ชัดดี แม้ว่าจะยังมีบางจุดเล็กน้อยบางส่วนที่ทำให้รู็สึกยังไม่เข้าถึงตามไปด้วยหนังเท่าไรนัก แต่ภาพโดยรวมและก็นับว่าเป็นหนังนอกสายตาที่ให้เรื่องที่เกิดขึ้นออกมาได้เดือดกว่าที่คาดเอาไว้

ตอกย้ำซ้ำเติมประสิทธิภาพของผู้กำกับและก็ผู้เขียนบทความสามารถฉมังอย่าง ไรอัน เมอร์ฟี้ ด้วยวิธีการจัดแสงสว่างและก็เงาที่มีความหม่นหมอง นิ่ง รวมทั้งเงียบ เหมือนกับอยากที่จะให้ผู้ชมขวัญผวาด้วยเหตุการสังหารที่บางทีอาจเกิดขึ้นได้ตลอดระยะเวลา รวมทั้งเนื้อหาต่างๆที่ซ่อนเร้นเอาไว้ภายในแต่ละตอนก็ทำเอาต้องการมองซ้ำในหลายๆรอบอย่างยิ่ง

ส่วนในที่สุดที่ต้องการกล่าวถึงการเดินเรื่องของ DAHMER – Monster: The Jeffrey Dahmer Story ที่ออกจะช้าตามสไตล์ของสารคดี นับว่าเป็นจุดเด่นของดาห์เมอร์ฉบับ 2565 เนื่องจากทำให้ผู้ชมสามารถมีอารมณ์กับซีรีส์ได้อย่างยอดเยี่ยม มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจในเหยื่อแล้วก็คนที่อยู่รอบข้าง รวมทั้งรับทราบเบื้องหน้าเบื้องหลังของฆาตกรโรคจิต แม้กระนั้นถ้าผู้ใดไม่สรรเสริญซีรีส์แนวๆนี้บางทีอาจจะผล็อยหลับไปได้ง่ายเลย

เรื่องราวจะสม่ำเสมอจาก ‘Enchanted’ เมื่อ จีเซล (รับบทบาทโดย เอมี่ อดัมส์ Amy Adams) เจ้าฟ้าหญิงที่แอนดาเลเชีย ตกลงใจอยู่กินกับ โรเบิร์ต (เล่นบทโดย แพทริก เดมป์ซีย์ Patrick Dempsey) ทนายความชายหนุ่มปกติแล้วก็สร้างครอบครัวจนได้สมาชิกใหม่ รวมทั้งเมื่อมีความรู้สึกว่านิวยอร์กไม่ตอบปัญหาพวกเขาเลยย้ายไปอยู่เมืองใหม่ชื่อ มอนโรวิลล์ ในพระราชวังมอซอ แต่ว่าด้วยฮอร์โมนวัยรุ่นว้าวุ่นใจของ มอร์แกน (รับบทบาทโดย กาเบรียล บัลดัคชิโน Gabriella Baldacchino) ที่มองวีนเหวี่ยงไปทุกสิ่งทุกอย่างอย่าง

รวมทั้งที่สำคัญการที่ได้ “เควิน เบค่อน” ใช่แล้ว เควิน เบค่อน แบบตัวเป็นๆกระโจนมารับบทสมทบในหนังประเด็นนี้นั้น ถือได้ว่าเซอร์ไพรส์แล้วก็ตัวสร้างสีสันเจริญไม่น้อย อีกทั้งล้อตนเอง ล้อจักรวาลอื่น ล้อเลียนสิ่งที่มาร์เวลโดนล้อ โน่นยิ่งทำให้ส่วนประกอบของหนังประเด็นนี้ออกจะอบอุ่นรวมทั้งมอบความสนุกสนานให้กับผู้ชมได้อย่างดีเยี่ยมในตอนเทศกาลวันคริสต์มาสนี้

สรุปว่า The Guardian of the Galaxy Holiday Special ก็เป็นหนังสเปเชียลแบบสั้นที่มองได้เพลิดเพลินๆดี เป็นส่วนเสริมรวมทั้งต่อขยายความสุขจากภาคหลัก แม้กระนั้นขอบอกเอาไว้ก่อนว่าบางทีอาจไปคาดหมายว่าหนังจะมีอะไรที่เชื่อมโยงกับภาคใหม่ที่กำลังจะออกเดินทางมา อย่าง The Guardian of the Galaxy Vol. 3 เพราะว่านี่มันเป็นหนังฉบับพิเศษสำหรับวันหยุด แม้ว่าจะมีฉากเครดิตด้านหลังเรื่องติดมาด้วยตามประเพณีด้วย แม้กระนั้นก็ไม่เกี่ยวข้องกับภาคหลัก ซึ่งกระนั้นหนังก็ยังเป็นหนังเบาๆที่มองได้บันเทิงใจดีอีกหัวข้อ

ตราบจนกระทั่งจีเซลได้รับคฑาประทานพรจากเพื่อนอย่าง พระราชโอรสเอ็ดเวิร์ด (รับบทบาทโดย เจมส์ มาร์สเดน James Marsden) แล้วก็ เจ้าฟ้าหญิงแนนซี่ (สวมบทบาทโดย อีดีนา เมนเซล Idina Menzel) รวมทั้งด้วยความมักง่ายของจีเซล คุณก็ได้เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างในมอนโรวิลล์ให้แปลงเป็นเทพนิยาย ซึ่งทำให้จีเซลแปรไปเป็นแม่เลี้ยงใจดำไม่รู้ตัวแล้วก็ยังส่งผลให้แอนดาเลเชียใกล้สลายไปในพริบตา งานนี้จีเซลจะต้องถอนคำร้องขอพรก่อนเวลาเที่ยงคืนที่คำภาวนาจะดำรงอยู่อย่างยั่งยืน

สำหรับคะแนนรีวิว Dahmer (2022) หรือ DAHMER – Monster: The Jeffrey Dahmer Story ขอให้ 8.5 คะแนน ด้วยเหตุว่าเนื้อหาที่มากเกินความจำเป็นของซีรีส์ ทำให้บางฉากที่สำคัญถูกละเลยไปอย่างราบรื่น แม้ว่าซีรีส์จะมีการเดินเรื่องที่ช้ามากมายตามที ดังนี้ก็ขอให้เชียร์ให้นักอ่านได้ทดลองดูซีรีส์ดาห์เมอร์กันสักหนึ่งรอบ รับประกันว่าเหตุการฆาตกรรม อีกทั้งข้างหน้าและก็เบื้องหน้าเบื้องหลังจะตรึงใจตรึงตาตราบนานเท่านานอย่างยิ่งจริงๆ

สิ่งที่ทำให้ ‘Disenchanted’ มองมนต์ขลังเสื่อมลงตามชื่อจริงๆอาจจะหนีไม่พ้นบทภาพยนตร์ที่มองงวยงงไปหมด เริ่มจากจีเซล ที่ปรับนิสัยกับชีวิตในโลกเรื่องจริงมิได้จนกระทั่งจำต้องย้ายที่อยู่ รวมทั้งมอร์แกนไม่สบอารมณ์ที่จะต้องออกมาจากสถานที่เรียนเดิมรวมทั้งพบเจอความเคลื่อนไหวแบบวัยรุ่นที่เริ่มไม่อินกับเทพนิยาย ซึ่งบอกตามจริงว่าถ้าหนังเดินไปสู่การที่จีเซลเริ่มทำความเข้าใจกับโลกที่ข้อเท็จจริงที่มิได้ดุจดวงใจไปเสียทุกสิ่งทุกอย่าง อาจจะทำให้หนังดำเนินเรื่องได้มีทิศทางมากยิ่งกว่านี้

รีวิว Dahmer Monster: The Jeffrey Dahmer Story

ซีรีส์จะตัดสลับเรื่องที่เกิดขึ้นโดยเริ่มจาก “victim” รายในที่สุดที่ทำให้ดาห์เมอร์โดนจับจับตัวแล้วก็มันจะย้อนกลับไปเล่าแหล่งที่มาของชีวิตฆาตกรโรคจิต เริ่มจากชีวิตครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ไปจนกระทั่งการเสพติดการถอดชิ้นส่วนร่างกายของหมูในคาบวิทยาศาสตร์ยุคเรียนมัธยมที่แปลงเป็นแหล่งกำเนิดของคดีการฆาตกรรมกินเนื้อมนุษย์แล้วก็ข่มเหงทางเพศถึง 17 ศพ ซึ่งเหยื่อโดยมากเป็นเด็กวัยหนุ่มที่เป็นเกย์สร้างคดีสะเทือนใจตลอดเวลาถึง 13 ปี

ประกอบกับการเปลี่ยนตัวผู้กำกับจาก เควิน ลิมา (Kevin Lima) ในภาคแรกมาเป็น อดัม แชงก์แมน (Adam Shankman) ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาทั้งยังซีรีส์มิวสิคัลอย่าง Glee รวมทั้ง หนังดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขจากมิวสิคัลบรอดเวย์อย่าง ‘Hairspray’ แม้กระนั้นสิ่งที่แชงก์แมนยังไม่รู้เรื่องเป็นการปรุงมนต์แบบดิสนีย์ในงานภาพและก็การแสดง จนถึงผลสรุปเป็นผู้ชมจะต้องทรหดอดทนกับแอ็กติ้งราวกับเจ้าฟ้าหญิงเมาน้ำกระต๊อบของจีเซล แล้วก็ตัวยุ่งไฮสคูลขี้เหวี่ยงอย่างมอร์แกน ซึ่งเอาให้แฟร์จริงๆก็เริ่มที่บทหนังมันห่วยแตกมาตั้งแต่ต้นนี่แหละทำให้ผู้แสดงที่ผู้ชมเคยรักมากมายจากภาคแรกเปลี่ยนเป็นไม่น่าสนใจไปเสียหมด รวมทั้งแอ็กติ้งที่มองเป็นหนังโทรทัศน์มากมายๆไม่ถูกกับภาคแรกอย่างสิ้นเชิงด้วย

สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดสำหรับเพื่อการเล่า “Subject” ที่เกิดขึ้นของ ‘เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์’ อาจจะหนีไม่พ้นวิธีการเล่าแบบ “Slowburn” ซี่งเป็นการเล่าที่ย้ำเก็บเนื้อหาให้ผู้ชมได้ซับอารมณ์แล้วก็มนัสสำนึกของคนร้ายแบบแทบได้นั่งคุยไหล่ชนไหล่กับดาห์เมอร์เลยด้วย บทหนังลึกถึงขนาดเจาะไปอีกด้านทของชีวิตครอบครัวที่ก่อนตัวดาห์เมอร์จะกำเนิดเองพวกเราก็พิจารณาได้ถึงความแตกต่างจากปกติของผู้เป็นแม่แล้ว รวมทั้งยังพาพวกเราไปรู้จักวัยเด็กของดาห์เมอร์ที่เต็มไปด้วยมิตรภาพบิดาลูกที่ผูกพันกันด้วยการเฉือนซากสัตว์

แม้กระนั้นที่นับว่าเลวสุดๆคงจะหนีไม่พ้นเงื่อนผู้แสดงที่หนังที่ปล่อยปละละเลยไปในผลสรุปแบบเทพนิยายทั้งๆที่หนังอุตส่าห์ปูมาดีแต่ต้นตามที่พวกเราบอกไป จนกระทั่งหนังออกมาดูเหมือนกับว่าคนเป็นไบโพลาร์มาทำ ที่มาของเรื่องอย่างนึง กึ่งกลางเรื่องไปอีกอย่างรวมทั้งจบสิ้นลงด้วยท่าบังคับแบบ ‘แล้วพวกเขาก็อยู่ร่วมกันอย่างสุขสบายชั่วนิรันดร’ จนถึงจะต้องสารภาพว่าการจะเข็นตนเองให้ดูหนังจนกระทั่งจบเปลี่ยนเป็นความทรมาทรกรรมอย่างไม่น่าเชื่อได้เลย

ถึงเวลาของคนชอบดูหนังสยองขวัญ ด้วยการนำไปรีวิว The Midnight Club (ชุมนุมสยองขวัญเที่ยงคืน) ซีรีส์ผีของ Netflix จากนิยายของคริสโตเฟอร์ ไพค์ ที่จะพาทุกคนไปดูชีวิตของกรุ๊ปเด็กที่ไม่สบาย ซึ่งได้รวมตัวกันในศูนย์ดูแลคนเจ็บระยะท้ายที่สุด ก่อนที่จะเกิดเหตุราวน่าหวาดกลัวขึ้นข้างในสโมสรลับๆที่ถูกทำมาเพื่อเล่าผี บอกเลยว่างานนี้สนุกสนาน แถมผู้แสดงยังเก่งมากมายทีเดียว ส่วนเรื่องย่อและก็การรีวิว The Midnight Club จะเป็นเยี่ยงไรบ้าง ไปดูกันเลย

ซึ่งสำหรับเรื่องบทเว้นแต่จำต้องชักชวนดูเมอร์ฟีย์ที่มาร่วมเขียนบทแล้ว เหม็นเบื่อ เบรนแนน (Ian Brennan) มือเขียนบทลูกค้าขาประจำของเมอร์ฟีย์ก็ได้โชว์ความช่ำชองสำหรับการผสมข้อมูลจริงกับเรื่องแต่งได้อย่างกลมกล่อมละมุนละไม และก็โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้คลิปเสียงการแจ้งความที่ทำให้มองเห็นความไม่รอบคอบของตำรวจก็ช่วยปรับให้บรรยากาศความไม่น่าไว้วางใจและก็เคราะห์กรรมอันน่าเห็นใจของเหยื่อถูกเอามาวิพากษ์ในทางของความไม่มีสมรรถนะของผู้บังคับใช้ข้อบังคับได้อย่างเห็นภาพอีกด้วย

ส่วนการกลับมารับบทจีเซลของเอมี่ อดัมส์ บอกตามจริงว่าคุณไม่อาจจะส่งผลให้พวกเราตกหลุมรักกับนักแสดงของคุณได้อีกแล้วขอรับ เนื่องจากเพียงพอบทหนังไม่ผลักดันอย่างเคยผู้ชมไม่บางทีอาจเอาอกเอาใจไปช่วยทำให้นักแสดงแก้คำภาวนาเสร็จได้อีกแล้ว ประกอบกับค้างแรกเตอร์ของมอร์แกนที่แปรไป แม้ว่าจะได้ กาเบรียล บัลดัคชิโน ที่สวยมากแค่ไหนแม้กระนั้นความไม่รู้เดียงสาที่ผู้ชมเคยตกหลุมรักในตัวมอร์แกนหายหมดจดเหลือเพียงแค่วัยรุ่นขี้วีนไร้เหตุผลไปอย่างโชคร้ายยังดีที่ เจมส์ มาร์สเดน, แพทริก เดมป์ซีย์ และก็ อีดีนา เมนเซล ยังสามารถโฮลด์ผู้แสดงของพวกเขาไว้ได้รวมทั้งสร้างสีสันให้หนังไม่มีเบื่อจนถึงเหลือเกิน

เกิดเรื่องราวสยองขวัญ ที่มีจุดเริ่มแรกจาก ‘อีทดลองก้า’ เด็กผู้หญิงที่พบว่าตนเองกำลังไม่สบาย ด้วยโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ระยะในที่สุด ทำให้จะต้องพักความฝันหัวข้อการไปเป็นนิสิตในมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดอีทดลองก้าหันมาจุดโฟกัสกับการดูแลรักษาตนเอง ตราบจนกระทั่งไปรู้จักกับ ‘ไบร์ทคลิฟฟ์’ สถานที่ดูแลคนเจ็บอาการหนักหรือคนไข้ระยะท้ายที่สุด

เมื่อมาตรงนี้อีทดลองก้าได้พบกับคนเจ็บวัยรุ่นอีกคนจำนวนไม่น้อย กำเนิดเป็นความสมาคมกรุ๊ปสหายก่อนที่จะศึกษาและทำการค้นพบว่าในสถานที่ที่นี้ มีกรุ๊ปลับที่เรียกว่า ‘The Midnight Club’ หรือ ‘สัมพันธ์สยองขวัญเที่ยงคืน’ กรุ๊ปลับที่สมาชิกแต่ละคนจะเข้ามาเล่าผีหรือเรื่องสยองขวัญ โดยให้ความสนใจด้วยกันเป็นโลกหลังความตาย พร้อมข้อตกลงว่าถ้าคนไหนกันตาย ต้องติดต่อกลับมาหากัน

ถึงกระนั้นหนังก็ยังคงมีจุดแข็งอีกหนึ่งจุดที่พวกเราจะละเลยมิได้โน่นเป็นเพลงในหนังที่โอกาสนี้ อลัน เมนเคน (Alan Menken) ผู้สร้างรเพลงสุดได้รับความนิยมให้แอนิเมชันดิสนีย์มารังสรรค์เพลงสไตล์บรอดเวย์มิวสิคัลแบบดิสนี้ ดิสนีย์ให้หนัง ซึ่งบอกตามจริงว่าเพียงพอส่วนประกอบอื่นๆมองบ้งไปหมด งานเพลงเลยเปลี่ยนเป็นตัวชูโรงที่ทำให้หนังมิได้ห่วยแตกเกินความจำเป็นนัก